24 July 2020
อย่างที่เรารู้กันดีว่า ปัจจุบัน Facebook นั้นได้พัฒนาไปมากกว่าการเป็นแค่โซเชียลมีเดีย นั้นกลายเป็น Platform ที่หลากหลายธุรกิจเลือกใช้ในการทำ Digital Marketing พร้อมทั้งมีเครื่องมือต่างๆ ที่จะช่วยเหลือในการทำให้แบรนด์เข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น หนึ่งในเครื่องนั้นคือการทำ Lookalike Audience
เวลาที่เราเล่น Facebook เคยสังเกตกันไหมว่า หลายครั้งด้วยกันทีเราเห็นโฆษณาต่างๆ ที่เมื่อเห็นแล้วรู้สึกว่า เหมือน Facebook จะรู้ใจเราดีเหลือเกิน เช่นเราได้กดไลค์เพจเกี่ยวกับการเดินทางไปเพจหนึ่ง หรือกำลังเดินทางท่องเที่ยวอยู่ Facebook ก็ชอบนำเสนอโฆษณาเกี่ยวกับการท่องเที่ยว ที่เหมือนกำลังอ่านใจของเรามาให้เห็นได้ทุกที ทั้งๆ ที่ไม่เคยไลค์เพจของเจ้าของโฆษณานั้นไว้เลย
ซึ่งถ้าบอกกันตามตรง จะเรียกว่าอ่านใจได้ก็คงไม่ผิดนัก เพราะทาง Facebook เองมีเครื่องที่คอยทำหน้าที่ตรวจจับพฤติกรรมของกลุ่มผู้ใช้ ทั้งอายุ เพศ พฤติกรรมการเล่น Facebook จากกลุ่มบุคคลที่มีความใกล้เคียงกัน แล้วก็นำโฆษณาไปแสดงให้กลุ่มคนเหล่านั้นเห็น เรียกว่าที่ Lookalike Audience
เช่นเรามีเพื่อนกลุ่มที่ชอบการท่องเที่ยว มีชื่ออยู่ใน Group หรือกดไลค์ Page ที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว และตัวเราเองก็มีพฤติกรรมที่ชอบลงรูปภาพ ชอบ Check in ตามสถานที่ต่างๆ นั่นก็เป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้เครื่องมือ Lookalike ของ Facebook มองเราว่าเป็นบุคคลที่มีศักยภาพที่จะกลายเป็นลูกค้าได้ในอนาคต จึงทำการยิงโฆษณาที่เกี่ยวข้องกับทางท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็น ที่พัก ร้านอาหาร การเดินทาง ให้ไปขึ้นอยู่บนหน้า News Feed ของเรา
หรือว่า บริษัทสามารถใช้ฐานลูกค้าของตัวเองที่มีอยู่ ในกรณีที่ธุรกิจมีช่องทางอื่นนอกเหนือจาก Facebook ซึ่งข้อมูลดิบที่เรานำมาใช้นั้น Facebook สามารถใช้ Machine Learning ในการหากลุ่มรู้ค้าที่มีพื้นฐานจากกลุ่มลูกค้าในช่องทางอื่นของเราได้อีกทางด้วย
ซึ่งในการทำการตลาดด้วยฐานลูกค้าในลักษณะนี้ จะทำให้เกิดประสิทธิภาพสูงขึ้นกว่าการยิงโฆษณาออกไปแบบกว้างๆ เว้นเสียว่าเราต้องการกลุ่มลูกค้าแบบกว้างๆ ไม่เจาะจงกลุ่มเป้าหมายเลย
อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่า แหล่งที่มาของ Audience มีหลายช่องทางซึ่งช่องทางที่สามารถใช้กับการทำ Lookalike ได้มีดังนี้
- ใช้กลุ่มเป้าหมายที่กำหนดเอง (Custom Audience) – โดยเราสามารถอัปโหลดรายชื่อและข้อมูลของลูกค้าที่มีอยู่ เพื่อใช้ในการตั้งกลุ่มเป้าหมายที่กำหนดเอง จากนั้นใช้กลุ่มเป้าหมายที่คล้ายกันนี้ในการค้นหาบุคคลที่คล้ายกันกับกลุ่มเป้าหมายที่สร้างขึ้นมา
- ใช้ผู้เข้าชมเว็บไซต์ – ด้วยการติดตั้ง Tag Facebook Pixel ไว้บนหน้าเว็บไซต์หรือ Landing Page จากนั้นสร้างกลุ่มเป้าหมายที่คล้ายกันโดยอ้างอิงตามพฤติกรรมของคนที่เข้าไปเยี่ยมชมในเว็บไซต์
- ใช้แฟนเพจ – ถ้าเรามีเพจบน Facebook ที่มีคนเข้ามาชม มากดไลค์ กดแชร์ ก็สามารถตั้งค่าในการทำ Lookalike ได้จากการอ้างอิงจากกลุ่มคนที่เข้ามามีปฏิสัมพันธ์กับเพจ และสามารถต่อยอดไปหาคนที่มีลักษณะการใช้งาน Facebook ที่คล้ายกันได้
ซึ่งในการกำหนดกลุ่มเป้าหมายแบบนี้ จะช่วยให้เราสามารถส่งโฆษณาไปหากลุ่มคนที่คาดว่าน่าจะมีความเป็นไปได้ ที่จะมาเป็นลูกค้าเราได้สูงขึ้น
แต่อย่างไรก็ตาม หลังจากเริ่มเปิดใช้ Campaign ที่ใช้กลุ่มลูกค้าแบบ Lookalike แล้ว อย่าลืมเช็คค่า CTR (Click through Rate) ว่าโฆษณาที่เกิดจาก Lookalike Audience มีประสิทธิภาพพอๆกับ ชุดโฆษณาที่ทำโฆษณาตามปกติโดยใช้ Core Audience ที่กำหนดด้วยความสนใจ Interest หรือไม่ ถ้าหากผลลัพท์ CTR พอๆกันแนะนำให้เปิดใช้ทั้ง 2 ชุดโฆษณาควบคู่กันไปเลย
G-ABLE เองก็มีผู้เชี่ยวชาญในด้านการทำ Digital Marketing บนหลาย Platform ที่พร้อมจะให้คำปรึกษากับทุกธุรกิจที่ต้องการสร้างฐานลูกค้าใหม่ๆ ไปพร้อมกับการเปิดช่องทางใหม่ๆ ในการทำการตลาด
Share this article